กริยาสามชนิดและรูปพจนานุกรม
สวัสดีครับ วันนี้จะพูดถึงเรื่องไวยากรณ์พื้นฐานในภาษาโอกินาว่าเรื่อง คำกริยา ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว คำกริยาในภาษาโอกินาว่ามีพฤติกรรมคล้ายกับภาษาญี่ปุ่น คือ มีการผันตามกาล วาจก (ผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ / อังกฤษ: voice) การแสดงความต่อเนื่องและอื่น ๆ สำหรับในบทความนี้จะพูดถึงเฉพาะ รูปทั่วไป รูปทั่วไปแบบสิ้นสุด และ รูปทั่วไปแบบขยายคำนาม
ก่อนอื่นจะขอแนะนำประเภทของคำกริยา โดยคำกริยาในภาษาโอกินาว่าแบ่งเกณฑ์ตามเสียงของรากคำแล้ว แบ่งได้เป็น ๒ ประเภทหลัก ๓ ประเภทย่อย ได้แก่
- คำกริยาที่รากคำมีตัวสะกด(子音語幹動詞)
- คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกด(母音語幹動詞)
2.1. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดแบบมีเสียงหลัก
2.2. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดแบบไม่มีเสียงหลัก (โดยมากมักจะเป็นกริยาที่มีรูปผันนอกกฎ)
โดยคำกริยาแต่ละคำกริยาในภาษาโอกินาว่า จะมีเสียงฐานสำหรับการผันรูป 3 เสียง ได้แก่
- เสียงมาตรฐาน(基本音)
- เสียงนี้ใช้ในการแบ่งประเภทของคำกริยาว่ารากคำมีตัวสะกดหรือไม่ หากคำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดจะมีเสียงมาตรฐานคือเสียง
r
- เสียงนี้ใช้ในการแบ่งประเภทของคำกริยาว่ารากคำมีตัวสะกดหรือไม่ หากคำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดจะมีเสียงมาตรฐานคือเสียง
- เสียงหลัก หรือ เสียงสอง(準体音/派生音)
- เสียงเชื่อมต่อ หรือ เสียงเปลี่ยน หรือ เสียงสาม(接続音/音便音)
ในบทความนี้จะพูดถึงเฉพาะเสียงหลัก หรือ เสียงสอง เท่านั้น
สำหรับเสียงอื่น ๆ จะใช้ในการผันกริยารูปอื่นซึ่งจะกล่าวถึงในบทความถัดไป เช่น เสียงมาตรฐานใช้ผันรูปปฏิเสธ (否定形 / negative) เสียงเชื่อมต่อใช้ผันรูปกำลังทำ (継続形 / continuos) เป็นต้น
โดยวิธีการเขียนเสียงของคำกริยาในเว็บไซต์นี้จะใช้รูปแบบดังนี้ เช่น
ka~cuN|k,c,cหมายถึง คำกริยานี้ มี…- รูปพจนานุกรมคือ
kacuN - รากคำศัพท์คือ
ka - เสียงมาตรฐานคือ
k(คำกริยาประเภทรากคำมีตัวสะกด) - เสียงหลัก หรือเสียงสอง คือ
c - เสียงเชื่อมต่อ หรือเสียงสาม คือ
c
- รูปพจนานุกรมคือ
ʔi~cuN|k,c,zหมายถึง คำกริยานี้ มี…- รูปพจนานุกรมคือ
ʔicuN - รากคำศัพท์คือ
ʔi - เสียงมาตรฐานคือ
k(คำกริยาประเภทรากคำมีตัวสะกด) - เสียงหลัก หรือเสียงสอง คือ
c - เสียงเชื่อมต่อ หรือเสียงสาม คือ
z
- รูปพจนานุกรมคือ
ja~N|r,×,t|irrหมายถึง คำกริยานี้ มี…- รูปพจนานุกรมคือ
jaN - รากคำศัพท์คือ
ja - เสียงมาตรฐานคือ
r(คำกริยาประเภทรากคำไม่มีตัวสะกด) - เสียงหลัก หรือเสียงสอง ไม่มี
- เสียงเชื่อมต่อ หรือเสียงสาม คือ
t - บางรูปไม่ผันตามกฎ
irr- irregular
- รูปพจนานุกรมคือ
เป็นต้น
1. คำกริยารูปทั่วไปแบบสิ้นสุด / รูปพจนานุกรม
คำกริยารูปนี้เป็นรูปมาตรฐานที่ปรากฏในพจนานุกรมภาษาโอกินาว่า และยังใช้ในประโยคหมายถึงปัจจุบันกาลด้วย เช่น
1.1. คำกริยาที่รากคำมีตัวสะกด
รากศัพท์ + เสียงหลัก + uN
- 書ちゅん
(kacuN)/(ka~cuN|k,c,c)หมายถึง เขียน (ญี่ปุ่น: 書く)- รากศัพท์คือ
kaโดยมีเสียงหลักคือเสียงcผสมกับuNสุดท้ายได้kacuN
- รากศัพท์คือ
- 読むん
(jumuN)/(ju~muN|m,m,d)หมายถึง อ่าน (ญี่ปุ่น: 読む)- รากศัพท์คือ
juโดยมีเสียงหลักคือเสียงmผสมกับuNสุดท้ายได้jumuN - *บางตำราก็ว่า 読ぬん
(junuN)/(ju~nuN|m,n,d)
- รากศัพท์คือ
- 眠じゅん
(niNzuN)/(niN~zuN|d,z,t)หมายถึง หลับ (ญี่ปุ่น: 眠る)- รากศัพท์คือ
niNโดยมีเสียงหลักคือเสียงzผสมกับuNสุดท้ายได้niNzuN
- รากศัพท์คือ
1.2. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดแบบมีเสียงหลัก
คำกริยาประเภทนี้ในภาษาโอกินาว่าสำเนียงชูริ (สำเนียงในวัง) กับสำเนียงนาฮะ (สำเนียงชาวบ้าน) จะพูดไม่เหมือนกัน ดังนี้
สำเนียงชูริ:
รากศัพท์ + juN
สำเนียงนาฮะ:
รากศัพท์ + ʔiN
- 取ゆん
(tujuN)/(tu~juN|r,j,t)หมายถึง หยิบ จับ (ญี่ปุ่น: 取る)- รากศัพท์คือ
tuผสมกับjuN / ʔiNได้tujuN / tuʔiN - สำเนียงชูริ ว่า 取ゆん
(tujuN)/(tu~juN|r,j,t) - สำเนียงนาฮะ ว่า 取いん
(tuʔiN)/(tu~ʔiN|r,ʔ,t)
- รากศัพท์คือ
- 気張ゆん
(cibajuN)/(ciba~juN|r,j,t)หมายถึง พยายาม (ญี่ปุ่น: 頑張る)- รากศัพท์คือ
cibaผสมกับjuN / ʔiNได้cibajuN / cibaʔiN - สำเนียงชูริ ว่า 気張ゆん
(cibajuN)/(ciba~juN|r,j,t) - สำเนียงนาฮะ ว่า 気張いん
(cibaʔiN)/(ciba~juN|r,ʔ,t)
- รากศัพท์คือ
1.3. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดแบบไม่มีเสียงหลัก
รากศัพท์ + N
เช่น
- 有ん
(ʔaN)/(ʔa~N|r,×,t|irr)หมายถึง มี (ญี่ปุ่น: ある)- รากศัพท์คือ
ʔaผสมกับNได้ʔaN
- รากศัพท์คือ
- 居ん
('uN)/('u~N|r,×,t)หมายถึง มี อยู่ (ญี่ปุ่น: いる)- รากศัพท์คือ
'uผสมกับNได้'uN
- รากศัพท์คือ
- やん
(jaN)/(ja~N|r,×,t|irr)หมายถึง เป็น อยู่ คือ (ญี่ปุ่น: である)- รากศัพท์คือ
jaผสมกับNได้jaN
- รากศัพท์คือ
การใช้รูปสิ้นสุด(終止形)
หากสังเกตจะพบว่าคำกริยาทุกคำในรูปนี้จะลงท้ายด้วยเสียง ん(~N)
คำกริยารูปนี้ จะใช้เมื่อจบประโยคเท่านั้น เช่น
-
我んねー日記書ちゅん。
(waNnee niQci kacuN)
หมายถึง ฉันเขียนไดอารี (ญี่ปุ่น: 私は日記を書く。) -
今日から気張ゆん。
(cuukara cibajuN)
หมายถึง จะพยายามตั้งแต่วันนี้ (ญี่ปุ่น: 今日から頑張る。) -
山田さのー大和人やん。
(jamadasanoo jamatuNcu jan)
หมายถึง คุณยามาดะเป็นคนญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 山田さんは日本人だ。)
2. รูปขยายคำนาม(連体形)
เปลี่ยน ん(~N) เป็น る(~ru) เมื่อใช้ขยายคำนาม
ในภาษาญี่ปุ่น เราสามารถใช้รูปพจนานุกรมใช้ขยายคำนามได้เลย เช่น 書く เขียน เป็น 書く人 คนที่เขียน ในภาษาโอกินาว่า จะไม่สามารถใช้รูปสิ้นสุดในการขยายคำนามได้โดยตรง (ตามชื่อรูปคือรูปสิ้นสุด คือจบประโยคแล้ว) หากต้องการใช้ขยายคำนามต้องเปลี่ยนให้อยู่ในรูปขยายคำนาม(連体形) ก่อน โดยวิธีคือ เปลี่ยน ん(~N) ท้ายคำให้เป็น る(~ru) เช่น
- 書ちゅん
(kacuN)เป็น 書ちゅる(kacuru) - 取ゆん
(tujuN)เป็น 取ゆる(tujuru)ในสำเนียงชูริ - 取いん
(tuʔiN)เป็น 取いる(tuʔiru)ในสำเนียงนาฮะ - 居ん
('uN)เป็น 居る('uru)
ตัวอย่างประโยค
- くぬ手紙書ちゅる人ー誰やいびーが。
(kunu tigami kacuruQcoo taa jaibiiga)[1]
หมายถึง ใครเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนี้หรอครับ/คะ (ญี่ปุ่น: この手紙を書く人は誰ですか。)
3. รูปทั่วไป(準体形)
ตัด ん(~N) ออกจากรูปสิ้นสุด
รูปทั่วไปคือรูปพื้นของรูปสิ้นสุดและรูปขยายคำนาม กล่าวคือ เป็นรูปที่สร้างจาก รากศัพท์ + เสียงหลัก + (u|i/ju|×) โดยมากใช้ร่วมกับคำช่วยอื่นเพื่อเชื่อมประโยค เช่น
- くとぅ
(kutu)หมายถึง เพราะว่า (ญี่ปุ่น: から) - しが
(siga)หมายถึง แต่ (ญี่ปุ่น: けど/けれど)
ตัวอย่างประโยค
-
今日や雨ぬ降ゆくとぅ、家んかい居ん。
(cuu ja ami nu hujukutu jaaNkai 'uN)[2]
หมายถึง เพราะวันนี้ฝนตกก็เลยอยู่บ้าน (ญี่ปุ่น: 今日は雨が降るから、家にいる。) สำเนียงชูริ -
今日や雨ぬ降いしが、あぬ人ー学校んかい行ちゅん。
(cuu ja ami nu huisiga ʔanuQcoo gaQkooNkai ʔicuN)[2]
หมายถึง แม้ว่าวันนี้ฝนจะตก แต่เขาคนนั้นก็จะไปโรงเรียน (ญี่ปุ่น: 今日は雨が降るけど、あの人は学校に行く。) สำเนียงนาฮะ
สรุปคำศัพท์
1) คำกริยา
- 書ちゅん
(ka~cuN|k,c,c)- เขียน (書く) - 行ちゅん
(ʔi~cuN|k,c,z)- ไป (行く) - 読むん
(ju~muN|m,m,d)- อ่าน (読む) - 眠じゅん
(niN~zuN|d,z,t)- นอน หลับ (眠る) - 取ゆん
(tu~juN|r,j,t)- หยิบ จับ (取る) - 気張ゆん
(ciba~juN|r,j,t)- พยายาม (頑張る) - 降ゆん
(hu~juN|r,j,t)- (ฝน) ตก (降る) - 有ん
(ʔa~N|r,×,t|irr)- มี (ある) - 居ん
('u~N|r,×,t)- อยู่ (いる) - やん
(ja~N|r,x,t|irr)- เป็น คือ (である)
2) คำศัพท์
- 日記
(niQci)- ไดอารี (日記) - 手紙
(tigami)- จดหมาย (手紙) - 人
(Qcu)- คน (人) - あぬ人
(ʔanuQcu)- คนนั้น (あの人) - 誰
(taa)- ใคร (誰) - 今日
(cuu)- วันนี้ (今日) - 雨
(ami)- ฝน (雨) - 家
(jaa)- บ้าน (家) - 学校
(gaQkoo)- โรงเรียน (学校)
3) คำช่วย
- くとぅ
(kutu)- เพราะว่า (から〔理由〕) - しが
(siga)- แต่ (けど) - んかい
(Nkai)- บอกสถานที่ หรือจุดมุ่งหมายของคำกริยา (に〔場所〕) - ぬ
(nu)- บอกประธานของประโยค (ญี่ปุ่นโบราณ: の, ญี่ปุ่นปัจจุบัน: が)
อ้างอิง
[1] การสร้างประธาน 人(Qcu)+や(ja) กลายเป็น 人ー(Qcoo) ลักษณะเดียวกับ 御所(ʔuNzu) อ้างอิง
[2] การใช้ ぬ(nu) ในลักษณะเป็นประธานของประโยค เทียบได้กับการใช้ が ในภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน (ภาษาญี่ปุ่นในสมัยโบราณก็มีการใช้ の เป็นประธานของประโยคเช่นเดียวกัน)