« 4. กริยาบอกสถานะ やいびーん
6. กริยารูปปฏิเสธ »

กริยาสามชนิดและรูปพจนานุกรม

2018/12/19 หัวข้อ: ภาษาโอกินาว่าระดับพื้นฐาน ไวยากรณ์


 สวัสดีครับ วันนี้จะพูดถึงเรื่องไวยากรณ์พื้นฐานในภาษาโอกินาว่าเรื่อง คำกริยา ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว คำกริยาในภาษาโอกินาว่ามีพฤติกรรมคล้ายกับภาษาญี่ปุ่น คือ มีการผันตามกาล วาจก (ผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ / อังกฤษ: voice) การแสดงความต่อเนื่องและอื่น ๆ สำหรับในบทความนี้จะพูดถึงเฉพาะ รูปทั่วไป รูปทั่วไปแบบสิ้นสุด และ รูปทั่วไปแบบขยายคำนาม

 ก่อนอื่นจะขอแนะนำประเภทของคำกริยา โดยคำกริยาในภาษาโอกินาว่าแบ่งเกณฑ์ตามเสียงของรากคำแล้ว แบ่งได้เป็น ๒ ประเภทหลัก ๓ ประเภทย่อย ได้แก่

  1. คำกริยาที่รากคำมีตัวสะกดいんかんどう
  2. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดいんかんどう
     2.1. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดแบบมีเสียงหลัก
     2.2. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดแบบไม่มีเสียงหลัก (โดยมากมักจะเป็นกริยาที่มีรูปผันนอกกฎ)

โดยคำกริยาแต่ละคำกริยาในภาษาโอกินาว่า จะมีเสียงฐานสำหรับการผันรูป 3 เสียง ได้แก่

  1. เสียงมาตรฐานほんおん
    • เสียงนี้ใช้ในการแบ่งประเภทของคำกริยาว่ารากคำมีตัวสะกดหรือไม่ หากคำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดจะมีเสียงมาตรฐานคือเสียง r
  2. เสียงหลัก หรือ เสียงสองじゅんたいおんせいおん
  3. เสียงเชื่อมต่อ หรือ เสียงเปลี่ยน หรือ เสียงสามせつぞくおんおん便びんおん

ในบทความนี้จะพูดถึงเฉพาะเสียงหลัก หรือ เสียงสอง เท่านั้น
สำหรับเสียงอื่น ๆ จะใช้ในการผันกริยารูปอื่นซึ่งจะกล่าวถึงในบทความถัดไป เช่น เสียงมาตรฐานใช้ผันรูปปฏิเสธ (ていけい / negative) เสียงเชื่อมต่อใช้ผันรูปกำลังทำ (けいぞくけい / continuos) เป็นต้น

โดยวิธีการเขียนเสียงของคำกริยาในเว็บไซต์นี้จะใช้รูปแบบดังนี้ เช่น

เป็นต้น


1. คำกริยารูปทั่วไปแบบสิ้นสุด / รูปพจนานุกรม

 คำกริยารูปนี้เป็นรูปมาตรฐานที่ปรากฏในพจนานุกรมภาษาโอกินาว่า และยังใช้ในประโยคหมายถึงปัจจุบันกาลด้วย เช่น

1.1. คำกริยาที่รากคำมีตัวสะกด

รากศัพท์ + เสียงหลัก + uN

1.2. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดแบบมีเสียงหลัก

คำกริยาประเภทนี้ในภาษาโอกินาว่าสำเนียงชูริ (สำเนียงในวัง) กับสำเนียงนาฮะ (สำเนียงชาวบ้าน) จะพูดไม่เหมือนกัน ดังนี้

สำเนียงชูริ:

รากศัพท์ + juN

สำเนียงนาฮะ:

รากศัพท์ + ʔiN

1.3. คำกริยาที่รากคำไม่มีตัวสะกดแบบไม่มีเสียงหลัก

รากศัพท์ + N

เช่น


การใช้รูปสิ้นสุด(しゅうけい

 หากสังเกตจะพบว่าคำกริยาทุกคำในรูปนี้จะลงท้ายด้วยเสียง (~N)

 คำกริยารูปนี้ จะใช้เมื่อจบประโยคเท่านั้น เช่น


2. รูปขยายคำนาม(れんたいけい

 เปลี่ยน (~N) เป็น (~ru) เมื่อใช้ขยายคำนาม

 ในภาษาญี่ปุ่น เราสามารถใช้รูปพจนานุกรมใช้ขยายคำนามได้เลย เช่น เขียน เป็น ひと คนที่เขียน ในภาษาโอกินาว่า จะไม่สามารถใช้รูปสิ้นสุดในการขยายคำนามได้โดยตรง (ตามชื่อรูปคือรูปสิ้นสุด คือจบประโยคแล้ว) หากต้องการใช้ขยายคำนามต้องเปลี่ยนให้อยู่ในรูปขยายคำนาม(れんたいけい ก่อน โดยวิธีคือ เปลี่ยน (~N) ท้ายคำให้เป็น (~ru) เช่น

ตัวอย่างประโยค


3. รูปทั่วไป(じゅんたいけい

 ตัด (~N) ออกจากรูปสิ้นสุด

 รูปทั่วไปคือรูปพื้นของรูปสิ้นสุดและรูปขยายคำนาม กล่าวคือ เป็นรูปที่สร้างจาก รากศัพท์ + เสียงหลัก + (u|i/ju|×) โดยมากใช้ร่วมกับคำช่วยอื่นเพื่อเชื่อมประโยค เช่น

ตัวอย่างประโยค


สรุปคำศัพท์

1) คำกริยา

2) คำศัพท์

3) คำช่วย


อ้างอิง

[1] การสร้างประธาน っちゅ(Qcu)(ja) กลายเป็น っちょ(Qcoo) ลักษณะเดียวกับ んじゅ(ʔuNzu) อ้างอิง

[2] การใช้ (nu) ในลักษณะเป็นประธานของประโยค เทียบได้กับการใช้ が ในภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน (ภาษาญี่ปุ่นในสมัยโบราณก็มีการใช้ の เป็นประธานของประโยคเช่นเดียวกัน)

แชร์
กลับขึ้นไปด้านบน